การร้อยไหมคืออะไร
การร้อยไหมคือการใช้เข็มที่มีไหมละลายแบบที่มีเงี่ยงสอดลงในชั้นผิวหนัง ในจุดที่ต้องการแก้ไข บนเส้นไหมจะมีเงี่ยงที่มีลักษณะเหมือนตะขอ หรือคล้ายกับหนามกุหลาบ อยู่รอบเส้นไหมที่ร้อย ทําหน้าที่ในการเกี่ยวเนื้อเยื่อผิวขึ้นมาตามเส้นไหม การร้อยไหมจะช่วยในการยกกระชับใบหน้าตามบริเวรที่ร้อยไหมไป นอกจากนี้การร้อยไหมยังช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังซึ่งเป็นการเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหนังได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ร้อยไหมไปดูอ่อนวัยขึ้นหลังการร้อยไหมสักระยะหนึ่ง
ร้อยไหมเหมาะสําหรับคนที่อยากยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อย แต่ไม่อยากเข้ารับการ ผ่าตัด หรือเหมาะสําหรับผู้ที่มีปัญหารูปหน้า ต้องการมีรูปหน้าที่เรียวขึ้น การร้อยไหมจะช่วยปรับรูปหน้า พร้อมยกกระชับผิว ในจุดที่มีการดึงไหม เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทํา
หลังจากร้อยไหม บริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป จะเกิดการกระตุ้นเซลล์การสร้างคอลลาเจน และยังช่วยทําให้ เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้นอีกด้วย ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึงขึ้นชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมมีความเหมาะสมกับผู้ที่มีอายุในช่วง 25 ปี ถึง 50 ต้นๆ จะเห็นผลได้
การร้อยไหมไม่เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของผิวมาก และผู้ที่เคยฉีดสารเหลวมาก่อน
การร้อยไหมมีข้อดี ดังนี้
- ไหมเงี่ยงสามารถเห็นความแตกต่างได้ทันทีหลังทํา
- สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทํา
- เป็นทางเลือกให้ผู้ที่อยากยกกระชับหน้าไม่อยากผ่าตัด
- สามารถช่วยแก้ปัญหาใบหน้าได้ เช่น หน้าไม่เท่ากัน หน้ากลม แก้มมีความหย่อนคล้อย เป็นต้น
- ไหมที่ใช้ ละลายได้หมด 100%
- สามารถยู่ได้นาน 1- 3 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ข้อเสียของการร้อยไหม
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก
- ต้องหลีกเลี่ยงการทําเลเซอร์หลังร้อยไหมอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- บางท่านที่มีโหนกแก้มเด่น จะยิ่งทําให้โหนกแก้มชัดขึ้นอีก
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เคยฉีดสารเหลวมาก่อน
ลักษณะของ “เส้นไหม” ที่ใช้สําหรับหัตถการ ร้อยไหมนั้น แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. ไหมแบบเรียบ MONO THREAD
เส้นไหมจะมีลักษณะเรียบ แบ่งเป็น 2 แบบคือ แบบตรง และแบบเกลียว
- ไหมแบบตรง จะช่วยฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทําให้ผิวมีความแน่นกระชับขึ้น สามารถช่วยในเรื่องของหลุมสิว และ รูขุใขนกว้างได้
- ไหมแบบเกลียว เป็นไหมลักษณะเดียวกับไหมตรง แต่เส้นไหมจะพันเกลียวกับเข็ม ช่วยเพิ่มวอ ลลุ่มให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น
2. ไหมแบบเงี่ยง (BARB THREAD)
เป็นไหมที่มีเงี่ยงออกมาจากเส้นไหม ช่วยยึดเกาะกับผิว ลักษณะของเงี่ยงจะมี 2 ทิศทาง ช่วย เรื่องการยกกระชับได้ดี ช่วยยกผิวที่หย่อนคล้อยได้ เช่น กระเปาะแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ําหมาก
เป็นต้น
3. ไหมกรวย
เป็นไหมที่มีเงี่ยงแบบกรวย 3 มิติ ขนาดของกรวยจะกว้างกว่าไหมเงี่ยง ทําให้ยึดเกาะกับผิวได้ดี กว่า และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า แต่ไหมชนิดนี้จะต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
4. ไหมโครงตาข่ายTESSLIFT
เป็นไหมเงี่ยงที่มีโครงตาข่าย จะมีลักษณะพิเศษกว่าไหมแบบอื่น คือ มีเงี่ยงไหม 2 ชั้น และชั้น ด้านนอกของไหมเงี่ยงจะเป็นเส้นใยตาข่ายล้อมรอบตัวไหม 360 องศาตลอดเส้น จะมีความแข็งแรง และยกกระชับได้ดีมาก
ก่อนการร้อยไหมจะมีขั้นตอนดังนี้
1. คุณหมอจะทําการประเมินใบหน้าก่อนทํา
2. แปะยาชา และ ฉีดยาชาบริเวณที่จะทําการสอดไหม
3. เช็ดหน้าด้วยน้ํายาฆ่าเชื้อ
4. ทําการสอดไหมในจุดที่ต้องการยกกระชับ
5. กดไหม และล็อคตําแหน่งไหม
6. ตัดไหม ปิดเทปตรงจุดที่สอดไหม
สําหรับผู้ที่มีโรคประจําตัวนั้น ในกลุ่มโรคที่แนะนําให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทํา ได้แก่ โรคภูมิแพ้ตัว เอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และ โรคไทยรอยด์เป็นพิษ เป็นต้น
ผลข้างเคียงจากการร้อยไหมที่อาจเกิดขึ้นได้
- อาจมีอาการบวม หรือเขียวช้ําบริเวณที่ทํา แต่จะค่อยๆดีขึ้นและหายไปเองใน 7-14 วัน
- อาจมีเลือดออกบริเวณที่แทงเข็มเข้าไป
- ไหมที่ร้อยไปอาจขาดหรือ เคลื่อนได้ หากมีการแสดงสีหน้ามากเกินไป เช่น อ้างปากกว้างมาก เกินไปขณะที่ หาว หรือ หัวเราะ เป็นต้น
- ในบางคน ผิวอาจมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม ยุบลงไปบนใบหน้า หรือรอยคลื่น เป็นชั้นๆ บริเวณที่ร้อย ไหมไป แต่จะเรียบเป็นปกติใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์
ร้อยไหมแล้วทำไมไม่เห็นผล?
ไหมโครงตาข่าย หรือไหมเทสลิฟต์ (Tesslift) เป็นการเสริมสร้างผิวหนังใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิวหนังใบหน้าและลดเลือนริ้วรอยและกระชับสัดส่วนใบหน้า
การร้อยไหม เป็นวิธีการยกกระชับผิวหน้าที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย รูปหน้าไม่กระชับ แก้มพอง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึง กระชับ และอ่อนเยาว์ขึ้น