MD Clinic เอ็มดีคลินิก

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ผลิตเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตาม ธรรมชาติ ใช้ทดแทนส่วนสําคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจนและไฮยาลูรอน ช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้น ในผิวหนังและใต้ผิวหนังที่เริ่มเสื่อมสภาพลงเมื่ออายุมากขึ้น ช่วยลดและแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ กระชับ เปล่งปลั่ง

ฟิลเลอร์ สามารถฉีดเติมเต็มได้หลายจุดบนใบหน้า ที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังฉีด

  1. ฟิลเลอร์ใต้ตา เมื่อเราอายุมากขึ้น กระดูกใต้ตาจะยุบลง เนื้อน้อยลง หรือ สําหรับบางคนที่มีรอย ย่นและคล้ําใต้ตามาก สามารถเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ริ้วรอยลดลงและหน้าดูเด็กลงได้ด้วย 2. ฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับรูปหน้า ให้ยาวเรียวได้รูปขึ้น ให้ความเป็นธรรมชาติ
  2. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นจุดที่ทําให้หน้าดูสูงวัย ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะทําให้มีร่องแก้มชัดขึ้น จากการ การยุบตัวของกระดูก การเติมฟิลเลอร์จะทําให้ช่วยให้หน้าดูเด็กลง
  3. ฟิลเลอร์ปาก เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากการเติมฟิลเลอร์ปากนั้น ทรงปากให้ได้รูปแล้ว ยังช่วยลดความหมองคล้ําของสีปากได้อีกด้วย
  4. ฟิลเลอร์ปาก เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากการเติมฟิลเลอร์ปากนั้น นอกจากจะช่วยปรับทรงปากให้ได้รูปแล้ว ยังช่วยลดความหมองคล้ําของสีปากได้อีกด้วย
  5. ฟิลเลอร์ขมับ การเติมฟิลเลอร์จุดนี้ เป็นจุดที่ทําปรับให้รูปหน้าเรียวขึ้นและหน้าดูอ่อนเยาว์ลง และเป็นจุดที่หลายคนเชื่อว่า เป็นการเสริมโหงวเฮ้งความอุปถัมป์ด้วย
  6. ฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นอีกจุดในการปรับสัดส่วนหน้า ให้มีส่วนโค้งสวย ของใบหน้า เพราะความ เชื่อว่า คนที่มีโหงวเฮ้งหน้าผากโหนกนูน จะเป็นการเสริมเรื่องทรัพย์ และให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ หากใครยังไม่อยากผ่าตัด

  7. ฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นการเติมฟิลเลอร์บริเวณโหนกแก้ม ให้ใบหน้าดูมีมิติมากขค้น และยังช่วยให้ ใบหน้าดูออ่อนวัย และละมุมขึ้น
  8. เติมฟิลเลอร์แก้มตอบ จะเป็นการเติมบริเวณแก้ม เพื่อลดความเว้าของหน้า ที่ทําให้หน้าดูโทรม จะช่วยให้หน้าดูหวาน และดูเด็กลง

 

การเติมฟิลเลอร์แต่ละจุด จะไม่เท่ากัน แล้วแต่ว่าเราต้องการแก้ไขปัญหาใบหน้าตรงจุดไหน

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้ประมาณ 1-2 ซีซี

2. ฟิลเลอร์คาง ใช้ประมาณ 1-2 ซีซี

3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้ประมาณ 1-2 ซีซี

4. ฟิลเลอร์ปาก ใช้ประมาณ 1-2 ซีซี

5. ฟิลเลอร์ขมับ ใช้ประมาณ 3-6 ซีซี

6. ฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้ประมาณ 3-5 ซีซี

7. ฟิลเลอร์แก้มส้ม ใช้ประมาณ 2-3 ซีซี

8. ฟิลเลอร์แก้มตอบ ใช้ประมาณ 3-5 ซีซี

หลายคนที่อยากเติมฟิลเลอร์ มีความกังวลว่าจะอันตรายหรือไม่ จริงๆแล้ว ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่มีค วามปลอดภัยสูง สามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้าง สามารถฉีดได้เรื่อยๆ
ส่วนอาการแพ้ฟิลเลอร์ อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในบางคน จะมีอาการอักเสบนูนแดง หรือเป็นหนอง แต่ส่วนใหญ่ที่มีอาการแพ้ มักจะเกิดจากคนไข้ ไปฉีด “ฟิลเลอร์ปลอม” จึงทําให้เกิดอาการอักเสบ หากเป็นฟิลเลอร์แท้ ผ่าน อย. จะมีส่วนประกอบจากสารไฮยาลูรอนิคแอซิด ( Hyaluronic acid : HA) ซึ่ง เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้เอง ทําให้มีความปลอดภัย
สูงมาก

ฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. มีหลากหลายยี่ห้อ เช่น 

Neuramis จากประเทศเกาหลี, 

Revanesse จากประเทศ แคนาดา,

EPTQ จากประเทศเกาหลี ,

Yvoire จากประเทศเกาหลี,

Belotero นําเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ,

Juvederm นําเข้าจากประเทศอเมริกา,

Restylane นําเข้าจากประเทศสวีเดน,

Perfectha นําเข้าจากประเทศ ฝรั่งเศส

แต่ละยี่ห้อ จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของที่มาของแต่ละยี่ห้อ เนื่องจากขั้นตอนการผลิตสาร ไฮยารูลอน มาจากเทคโนโลยีที่มีความจําเพาะในแต่ละยี่ห้อ ทําให้เนื้อสัมผัสของฟิลเลอร์มีความพิเศษ ในแต่ละยี่ห้อ รวมถึงโมเลกุลของเนื้อฟิลเลอร์แต่ละรุ่นด้วย การฉีดแต่ละจุดก็จะใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดของ โมเลกุลแตกต่างกัน

หลายคนคงสงสัยว่า จะเติมไขมัน หรือ เติมฟิลเลอร์ดี?

การเติมฟิลเลอร์ การเติมไขมัน
ใช้เวลาทํา 30 นาที-1ชั่วโมง
ใช้เวลาทํา 2-3 ชั่วโมง
เห็นความแตกต่างหลังทําทันที ไม่ยุบเพิ่ม ผลลัพธ์คงตัว
รอให้หายบวม ประมาณ 3 เดือนถึงเห็น ผลลัพธ์
ไม่มีอาการเขียวช้ํา
มีอาการบวม ช้ําหลังทํา
อยู่ได้นาน 8 -24 เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์)
ผลลัพธ์ 30-70% ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล
ไม่ต้องพักฟื้น
ต้องพักฟื้น 1-2 วัน
คํานวน และ คิดราคาเป็น CC
ราคาถูกกว่าฟิลเลอร์ คิดราคาแบบเหมา