โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนปลาย ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เบาหวาน ภาวะขาดวิตามินบางชนิด การติดเชื้อ หรือผลข้างเคียงจากยา
ทำไม “ปลายประสาทอักเสบ” ถึง ไม่ควร ร้อยไหม
การร้อยไหม (Thread Lift) เป็นหัตถการเสริมความงามที่ใช้ไหมละลายหรือไม่ละลาย ร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนังหรือชั้นใต้ผิว เพื่อยกกระชับผิว
เหตุผลที่ ไม่ควรทำ หากมีอาการของปลายประสาทอักเสบ
ระบบประสาทไวผิดปกติ: ผู้ป่วยปลายประสาทอักเสบมักมีอาการปวด ชา หรือแสบร้อนที่ผิวหนัง การร้อยไหมอาจกระตุ้นอาการให้แย่ลงได้ เพราะเป็นการรบกวนบริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่แล้ว
เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเส้นประสาท: การร้อยไหมอาจไปกระทบเส้นประสาทบางเส้นโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหรือแทรกซ้อนทางประสาทเพิ่มขึ้น
กระบวนการฟื้นตัวอาจช้ากว่าปกติ: ในผู้ที่มีโรคทางประสาท ระบบการซ่อมแซมของร่างกายโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเส้นประสาทจะทำงานได้ช้ากว่าคนทั่วไป
ความรู้สึกเจ็บปวดผิดปกติ: แม้จะเป็นหัตถการเล็ก การร้อยไหมก็ยังทำให้เกิดแผลหรือการกระตุ้นใต้ผิวหนัง ซึ่งในคนที่มีปลายประสาทอักเสบ อาจรู้สึกเจ็บมากเกินจริง หรือมีอาการปวดเรื้อรังหลังทำหัตถการ
โรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) เป็นกลุ่มของโรคผิวหนังที่มีการอักเสบ ซึ่งรวมถึงผิวแห้ง แดง คัน บวม หรือลอก เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis), โรคผิวหนังจากการระคายเคือง (Irritant Contact Dermatitis) หรือ โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Contact Dermatitis)
ทำไมผู้ที่เป็น “โรคผิวหนังอักเสบ” จึงไม่ควร ร้อยไหม
ผิวหนังอยู่ในภาวะอักเสบ: การร้อยไหมต้องเจาะผ่านผิวหนัง หากผิวมีการอักเสบอยู่แล้ว จะทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้นเสี่ยงต่อการอักเสบลุกลามหรือติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย
ภูมิคุ้มกันผิวไม่ปกติ: ผิวหนังอักเสบมักมีปัญหากับเกราะป้องกันผิว (skin barrier) อยู่แล้วเมื่อมีการร้อยไหมเข้าไป จะทำให้ ผิวฟื้นตัวยาก และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น บวมแดงเป็นเวลานาน, ไหมไม่เข้าที่ หรือเกิดพังผืด
สมานแผลช้า/รอยแผลหายไม่ดี: ผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบบางชนิด เช่น Atopic Dermatitis อาจมีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ช้ากว่าปกติ ส่งผลให้แผลจากการร้อยไหม หายช้า / เกิดรอยดำ รอยแผลเป็นได้ง่าย
อาการอาจกำเริบหรือแพ้ไหม: เส้นไหม (แม้จะเป็นไหมละลาย) ก็ยังเป็นสิ่งแปลกปลอมต่อร่างกายในบางคนอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้หรือกระตุ้นให้ โรคผิวหนังกำเริบ มากขึ้น โดยเฉพาะหากใช้ไหมคุณภาพต่ำหรือทำกับผู้ไม่มีประสบการณ์
โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นภาวะที่ระบบประสาทไวต่อความเครียดและความวิตกกังวลมากผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการตื่นตระหนก (panic attack) ซึ่งอาจแสดงออกทางร่างกาย เช่น ใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หรือรู้สึกเหมือนจะตาย แม้ไม่มีอันตรายจริง ๆ เกิดขึ้น
ทำไม “โรคแพนิค” ถึง ไม่แนะนำให้ร้อยไหม
แม้ไม่มีข้อห้ามแบบตรง ๆ ทางการแพทย์ แต่มีเหตุผลที่แพทย์มักไม่แนะนำให้ผู้ป่วยโรคแพนิคร้อยไหม
กระบวนการร้อยไหมกระตุ้นความเครียดและความวิตกกังวล: การทำหัตถการ เช่น การฉีดยาชา การใช้เข็ม และความเจ็บปวดเล็กน้อย อาจกระตุ้นให้อาการแพนิคกำเริบ
ภาวะตื่นตระหนกระหว่างทำหัตถการ: หากเกิด panic attack ขณะร้อยไหม อาจทำให้ต้องหยุดการรักษากลางคัน หรือเกิดอันตราย เช่น การเคลื่อนไหวผิดจังหวะ
ความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย: ผู้ป่วยโรคแพนิคบางรายไวต่ออาการบวม แดง หรือรัดตึงหลังร้อยไหม ซึ่งอาจเข้าใจผิดว่าเป็นอาการร้ายแรง และกระตุ้นให้แพนิคกำเริบ
ความเสี่ยงในการฟื้นตัวช้าหรือเกิดผลข้างเคียงจากความเครียด: ความเครียดเรื้อรังมีผลต่อการฟื้นตัวของแผลหรือผลลัพธ์หลังทำหัตถการ
โรคกลากเกลื้อน (Tinea / Dermatophytosis) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรากลุ่ม dermatophytes ซึ่งมักพบตามบริเวณที่อับชื้น เช่น หน้า ลำตัว คอ หรือหนังศีรษะ โดยแสดงอาการเป็นผื่นแดง วงกลม มีขอบนูน คัน ลอกเป็นขุย
ทำไม “โรคกลากเกลื้อน” ถึง ไม่ควร/ไม่สามารถร้อยไหมได้ชั่วคราว
แม้โรคกลากเกลื้อนจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่ทำให้ไม่แนะนำให้ร้อยไหมในช่วงที่ยังมีเชื้อราอยู่บนผิวหนัง
เสี่ยงติดเชื้อเพิ่มขึ้น: ร้อยไหมเป็นการฝังเส้นไหมเข้าใต้ผิวหนัง หากผิวบริเวณนั้นมีเชื้อราอยู่ จะทำให้เชื้อราแพร่กระจายลึกลงไปในชั้นใต้ผิว เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อน เช่น เชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย (superinfection)
สมานแผลได้ช้า: การติดเชื้อราเป็นภาวะอักเสบเรื้อรัง ส่งผลต่อการหายของแผลจากการร้อยไหม เช่น แผลบวมแดงนานกว่าปกติ มีโอกาสเกิดพังผืดผิดรูปหรือรอยดำรอยแผลเป็นหลังการรักษา
เชื้อราอาจกระจายได้: การใช้เข็มหลายจุดทำให้ผิวมีแผลหลายตำแหน่ง เชื้อราจากจุดเดิมอาจกระจายไปยังบริเวณใหม่ผ่านเข็มหรือมือแพทย์
มีผลต่อผลลัพธ์ความงาม: ผิวที่มีการอักเสบหรือเป็นผื่นไม่เหมาะกับการร้อยไหม เพราะอาจทำให้ไหมวางผิดชั้น เกิดก้อน หรือผลลัพธ์ไม่เรียบเนียน
โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) เป็นโรคเลือดออกง่ายหยุดยาก ซึ่งมีสาเหตุจาก ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด โดยผู้ป่วยจะขาดหรือมีโปรตีนที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (clotting factors) ต่ำกว่าปกติ เช่น Factor VIII (ในฮีโมฟีเลียชนิด A) หรือ Factor IX (ในฮีโมฟีเลียชนิด B)
การ ร้อยไหม (Thread Lifting) เป็นหัตถการที่ใช้เข็มสอดไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับใบหน้า ถึงแม้จะดูเป็นหัตถการเล็ก แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการ เลือดออกภายใน หรือ เกิดรอยฟกช้ำ ซึ่งในคนทั่วไปเลือดสามารถแข็งตัวและหยุดได้เอง
แต่ในผู้ป่วย ฮีโมฟีเลีย:
เลือดจะ หยุดไหลช้า หรือไม่หยุดเลย
เสี่ยงต่อการ เกิดเลือดออกใต้ผิวหนัง หรือในชั้นกล้ามเนื้อ
อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เลือดออกในโพรงหลังตาหรือสมองได้ (แม้โอกาสจะน้อยแต่หากเกิดจะอันตรายถึงชีวิต)
แผลหายช้ากว่าปกติ และมีความเสี่ยงต่อ การติดเชื้อ