ร้อยไหมแล้วทำไมไม่เห็นผล?
ทำไมการร้อยไหมจึงไม่เห็นผล? มีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการร้อยไหม? และควรทำอย่างไรเพื่อให้การร้อยไหมมีประสิทธิภาพสูงสุด? เราจะพาคุณไปดูกันในบทความนี้
1. จำนวนเส้นไหม
จำนวนเส้นไหม เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดถึงความกระชับของผิวหน้า ถ้าใช้เส้นไหมในปริมาณที่ไม่เพียงพอกับพื้นที่ที่ต้องการกระชับ ผิวจะไม่ถูกดึงขึ้นมาอย่างเต็มที่
สำหรับการร้อยไหมเงี่ยงเส้นใหญ่ จำนวนเส้นของไหมที่ใช้ในการร้อยไหมขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นไหม ขนาดของเส้นไหมและขนาดของใบหน้าคนไข้เป็นหลัก สำหรับคนไข้ที่มีใบหน้าใหญ่จะใช้ไหมประมาณ 12-18 เส้น ส่วนคนไข้ที่มีใบหน้าเล็กจะเริ่มต้นประมาณ 4-6 เส้น ส่วนการร้อยไหมเรียบ หรือที่เรียกว่าไหมคอลลาเจนนั้น สามารถร้อยได้ทั่วใบหน้าเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ไม่ควรเกิน 100 เส้น สำหรับไหมโครงตาข่ายก็จะมีการประเมินที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
2. ปัญหาของใบหน้า
ปัญหาของใบหน้า เป็นปัจจัยที่กำหนดถึงความเหมาะสมของการร้อยไหม ถ้าใบหน้ามีปัญหา เช่น ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง ผิวแข็งแรงไม่พอ ผิวโทรม เกิดแผลอักเสบ เป็นต้น การร้อยไหมอาจไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุด
การร้อยไหมเหมาะสมกับผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อยไม่เต่งตึง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหลวม ไม่แน่น จนหย่อนคล้อยในที่สุด หรือไม่ได้บำรุงใบหน้าดีเท่าที่ควร อาจทำให้หน้าไม่กระชับเท่าที่ควร ซึ่งการร้อยไหมเหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาด้านความหย่อนคล้อย มากกว่าผู้มีปัญหาด้านไขมันเยอะเกินไป ควรสลายไขมันก่อน หรือทำร่วมกันได้
3. เทคนิคการร้อยไหม
เทคนิคการร้อยไหม เป็นปัจจัยที่กำหนดถึงความปลอดภัยและคุณภาพของการร้อยไหม ถ้าการร้อยไหมไม่ถูกต้อง เช่น เข็มไม่สะอาด ไหมไม่ผ่านการรับรอง ร้อยไหมไม่เหมาะกับรูปหน้า ร้อยไหมไม่สอดคล้องกับความต้องการ เป็นต้น การร้อยไหมอาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
การเลือกคลินิกและแพทย์ที่เชี่ยวชาญโดยตรงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการร้อยไหม เพราะการร้อยไหมเป็นการกระทำที่ต้องใช้เทคนิคและความชำนาญของแพทย์ ดังนั้น ควรเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการร้อยไหม โดยควรพิจารณาตัวอย่างผลงาน และ ความน่าเชื่อถือของคลินิกที่จะเลือกใช้บริการ